โครงการ สร้างกุฏิเจ้าอาวาส พุทธสถานโนนเมืองเพ็ง
ย้อนไปราว 440 ปีที่แล้ว ครั้นสมัยพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชครองเมืองอยู่เวียงจันทร์ ด้วยเหตุใดไม่ทราบแน่นอน ได้ย้ายเมืองพร้อมไพร่พล ช้างม้าวัวควาย ราชทรัพย์ต่างๆมาอยู่ ณ โนนเมืองเพ็ง (โนนเมืองเพ็ง จ.ขอนแก่น ในปัจจุบัน) ปฐมเหตุแห่งเรื่องราวนี้ได้เกิดขึ้นเมื่อคราวโรคระบาดได้คร่าชีวิตผู้คนในเมืองไปเป็นจำนวนมาก นั่นคือโรคห่าหรือโรคฝีดาษ เพราะสมัยก่อนไม่มียารักษา ทำให้ผู้คนต่างล้มตายไป ครั้นหลัง ณ ตอนนี้ เพียงไม่กี่ปีก่อนวันนี้นั้นมีผู้ขุดพบพระพุทธรูปและข้าวของมีค่าจำนวนมากในสถานที่แห่งนั้น ซึ่งด้านล่างลึกลงไปจากใต้ดินเพียงสองเมตรกว่าๆ เป็นหลุมเก่าแก่ที่เก็บรักษาทรัพย์สมบัติของพระองค์ รอบๆบริเวณวัดและภายในวัดเองเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ต่างโจทก์ขานกันต่างๆนาๆ บ้างก็ยังพบด้วยตัวเอง เริ่มจาก วัดแห่งนี้มีพระเพียงรูปเดียวคือผู้ขุดค้นพบกรุแห่งนี้ เดิมเป็นผู้ใหญ่บ้านมาขุดค้นพบแล้วจึงตั้งใจว่าจะบวช 7 วัน ทั้งๆที่ยังไม่เกษียณหรือลาออกจากการเป็นผู้ใหญ่บ้าน ต่อมาได้ฝันเห็นว่ามีคนมาบอกให้บวชเพื่อเฝ้ารักษาสมบัติเหล่านี้ไว้ เข้าใจว่าน่าจะเป็นพระพระยาพิชัยอำมาตย์ผู้เป็นแม่ทัพที่ปกครองเหล่าบริวาร เพราะสวมชุดเต็มยศ อร่ามและทรงเกียรติดั่งกษัตริย์ผู้ครองนคร ท่านเลยบวชเฝ้าดูแลจนถึงทุกวันนี้ เป็นเวลาเกือบสิบปีแล้ว เมื่อตอนกรุแตกใหม่ๆ มีข้าราชการทหาร ตำรวจไปขอซื้อพระจากหน้ากรุเป็นจำนวนมาก ปัจจุบันไม่มีใครกล้าไปขุดกรุนี้อีก เนื่องจากสาเหตุหลายประการ ได้แก่ ตำรวจและเจ้าหน้าที่จากกรมศิลป์มาจับตัวไปดำเนินคดี เนื่องจากผิดกฎหมาย พระกรุนี้เป็นสมบัติของชาติ หรือผู้ที่ลักลอบขุดก็มีอันเป็นไปในทางที่ไม่ตาย ไม่พิการก็เกิดเรื่องร้ายๆกับครอบครัวตน อย่างกรณีที่เอาไปจากวัดแล้วก็ต้องนำมาคืน เพราะดึกๆ จะมีคนไปบอกให้เอามาคืนจนชาวบ้านผวา เอามาไว้ตามกำแพงวัดบ้าง ตื่นเช้ามาพระท่านนั้นก็จะนำมาเก็บรักษาไว้ที่ตู้โชว์ในวัด อีกกรณีคือมีชายสองคนเป็นเพื่อนกันมาลบหลู่โดยการเตะก้อนหินภายในวัดแล้วบอกว่า นี่ก็บูชาหรือ แค่หินก้อนเดียวจะบูชาทำไม เพียงเท่านั้นพอเดินออกจากนอกวัดยังไม่ทันไรก็เกิดอาการขาอ่อนไม่มีแรง เดินไม่ได้ รักษาไม่หาย ชาวบ้านบอกให้มาขอขมาผู้เป็นเจ้าของเดิม แต่ก็ไม่ยอมมา ทุกวันนี้ก็ยังไม่หาย กลายเป็นอำมพาตอยู่เพียงคนเดียว ส่วนเพื่อนอีกคนสำนึกผิดยอมมาขอขมาปรากฎว่าเดินได้เป็นปกติ
นอกจากนี้แล้วยังมีเรื่องราวพิศดารที่อาจจะไม่เชื่อว่ามีอยู่จริง คราใดที่หลวงปู่ท่านมีกิจต้องออกนอกวัด จะทำการปิดประตูศาลาไว้ เพื่อไม่ให้ใครเข้าไปขโมยของใน ที่แห่งนี้มีงูจงอางใหญ่ตนหนึ่งเป็นผู้อารักษ์ไว้อีก พอหลวงปู่ท่านออกนอกวัดแล้ว บางครางูตัวนี้ก็จะเลื้อยออกมาเฝ้าหน้าประตูศาลาไว้ เป็นการบอกกล่าวว่าห้ามมิให้ผู้ใดเข้าไปภายในไม่ว่าการใดก็ตาม หากประสงค์ดี มาดีแล้ว จงอธิษฐานจิตบอกว่ามาดี จักเปิดทางให้เข้าไปสู่ภายในได้ โดยมีคนสนิทกับหลวงปู่ท่านหนึ่งได้ทำแบบนี้แล้วก็สามารถเข้าไปได้ ส่วนคราใดที่หลวงปู่เข้ามาอยู่ในวัดแล้ว งูตัวนี้ก็อันตธานหายไป บ้างก็ว่าซ่อนตัวอยู่ในรูใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง ความน่าเกรงขามจักมีเท่าใด ท่านจงพิจารณาเอาด้วยตัวท่านเอง ยังมีความแปลกพิศดารน่าฉงนของวัดนี้อยู่หลายอย่าง เช่น วันพระใหญ่จะมีแสงสว่างส่องไสวมาจากใต้ดิน แม้นไม่มีรูก็ตามที แลเป็นบุญประจักษ์แก่สายตาของผู้มองเห็น หากแต่ตอนกลางคืนนั้น ไม่มีผู้ใดกล้ำกลายเข้าไปภายในเขตวัดเลย จะมีแต่คนภายนอกที่ไม่รู้อะไร หรือพระที่ว่าเก่งๆ อาคมขลังๆ สักยันต์เต็มแขนเต็มตัว มีของดีมากๆ มาอยู่วัดนี้ได้เพียงคืนเดียวยังมีอันต้องเผ่นหนีกลางดึก เพราะหลวงปู่ใหญ่ (พระยาพิชัยอำมาตย์)แลไพร่พลท่านมาไล่ ล่าสุดเมื่อช่วงต้นปีนี้เอง ( มีนาคม 2557 ) มีพระรูปหนึ่งบวชแล้วมาบำเพ็ญเพียรเป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่ ด้วยหวังว่าจะสืบทอดพุทธศาสนา แต่กระทำผิดศีล ไม่ปลงอาบัติ ไม่ปฏิบัติตามวินัยสงฆ์ ยามที่โยมไปถวายภัตตาหารก็สวดปลงสังขารแทนการสวดให้พร ครั้นเมื่อถึงคราวเข้าพรรษาได้ไม่ถึงเจ็ดวันก็มีเรื่องเกิดขึ้นคือเช้าวันหนึ่ง หลวงปู่เดินไปเรียกที่กุฏิสงฆ์ ปรากฎว่าพบเพียงเครื่องจีวร ไม่พบตัวพระรูปนั้น จึงเที่ยวสอบถามพระวัดอื่นในละแวกใกล้เคียงได้ความว่าพระรูปนั้นลาสิกขาเองโดยพระอุปัชฌาหรือเจ้าอาวาสไม่ได้ลาสิกขาให้ เมื่อกลับไปอยู่บ้านก็อาละวาด ทำลายข้าวของเครื่องใช้ พูดจาไม่รู้เรื่อง จนญาติๆ ทนไม่ได้จึงได้นำพระพุทธรูปไปถวายและทำการขอขมา หลังจากนั้นจึงได้สติกลับคืนมา ปัจจุบันก็เลยเหลือแต่พระรูปเดียวคือหลวงปู่เท่านั้นที่สามารถครองพรรษาจำวัดอยู่ได้
โครงการสร้างกุฏิเจ้าอาวาส พุทธสถานโนนเมืองเพ็งในครั้งนี้เกิดขึ้นเนื่องด้วยทางพุทธสถานโนนเมืองเพ็ง ตำบลสะอาด อำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น จะจัดงานกฐินสามัคคี ขึ้นในวันที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 เพื่อรวมรวบปัจจัยการสร้างกุฏิให้แก่เจ้าอาวาสที่จำพรรษาที่นี่ตั้งแต่ปี 2549 ถึงปัจจุบัน ซึ่งจนถึงขณะนี้ยังไม่มีกุฏิถาวรเลย หลวงปู่ท่านอาศัยจำวัดอยู่ด้านหลังศาลาการเปรียญที่ต่อเป็นห้องเก็บข้าวของเครื่องใช้จำพวกเสื่อ หมอน ผ้าห่ม และสิ่งของต่างๆ ที่ผู้ศรัทธานำมาถวายให้ ที่แห่งนี้ไม่มีไฟฟ้าใช้ถาวร มีเพียงเครื่องปั่นไฟใช้ในยามจำเป็นเท่านั้น หลวงปู่บุญมา ฐานุตฺตโร ผู้เป็นเจ้าอาวาสและพระรูปเดียวที่จำพรรษาอยู่ในที่แห่งนี้ท่านก็ใช้เพียงไฟฉายและเทียนไข ในฐานะลูกศิษย์จึงขอเสริมแรงช่วยหลวงปู่ซึ่งเป็นพระอาจารย์ ขอบอกบุญไปยังทุกท่านที่สนใจได้เข้าร่วมบุญในครั้งนี้ด้วย
ทางกลุ่ม “LuangPuTuad | หลวงปู่ทวด” นำโดยผู้ก่อตั้ง (เอ โนนเจริญ ใช้ชื่อ Ae Nonjaroen) พร้อมด้วยสมาชิก ได้ทำการรวบรวมปัจจัยส่วนหนึ่งจากการประมูลพระเครื่องเพื่อสมทบงานบุญในครั้งนี้ โดยเล็งเห็นว่าหากจะนำยอดรวมทั้งหมดของโครงการมาทอดกฐินร่วมจะต้องจัดซื้อกองกฐินพร้อมเครื่องบริวารซึ่งจะใช้งบประมาณจำนวนหนึ่งที่สูงเอาการ จึงคิดว่าถ้าหากจัดทำเป็นผ้าป่าสามัคคีคงจะดีกว่า คือการนำปัจจัยที่ได้ทั้งหมดมอบให้กับทางพุทธสถานโดยไม่ได้หักค่าใช้จ่ายใดๆ ยังจะเกิดประโยชน์สูงสุดแก่การก่อสร้างและเป็นบุญแก่ผู้เข้าร่วม ทั้งนี้ได้เล็งเห็นว่าวันที่เหมาะสมคือหลังออกพรรษาแล้วในวันที่ 23 ตุลาคม 2557 เป็นวันเหมาะแก่การทอดถวาย เป็นฤกษ์ดี วันหยุดราชการ หยุดงานเอกชน ที่สมาชิกน่าจะเข้าร่วมไปทอดถวายอย่างพร้อมเพรียงกัน อีกทั้งยังเป็นวันปิยมหาราชซึ่งเราก็จะได้ร่วมถวายเป็นพระราชกุศลอีกด้วย
รายได้ของโครงการทั้งหมด ตั้งแต่การประมูลพระเครื่องและการสมทบปัจจัย มีรายละเอียดดังต่อไปนี้
เริ่มด้วย การประมูลพระเครื่องเพื่อหารายได้สมทบทุน ซึ่งมีพี่ๆ น้องๆ ได้ส่งพระเครื่องมาร่วมประมูลกัน ดังนี้
ดังนั้น จึงมียอดเงินจากการประมูลพระทั้งสิ้น 15,840 บาท
นอกจากนี้ยังมีพี่ๆ น้องๆ ที่ร่วมสมทบทุนดังนี้
1. พี่ธีรวัฒน์-ลัดดา และน้อง กวินนาถ บวรเสนีย์ ร่วมสมทบทุน 1,000 บาท
2. พี่ศุภชัย สิทธิเพียร ร่วมสมทบทุน 500 บาท
3. พี่ต๋อม จ.ส.อ.สุระชัย โสดก ร่วมสมทบทุน 500 บาท
4. พี่ ฉัตรชัย พรพาณิชพันธุ์ ร่วมสมทบทุน 1,000 บาท
5. พี่ พัชรี เมืองเชียงหวาน ร่วมสมทบทุน 500 บาท
6. ร้านก.ต้นทรัพย์คลองถม หาดใหญ่ ร่วมสมทบทุน 500 บาท
7. พี่ Miethanawin Wedchasathon ร่วมสมทบทุน 350 บาท
8. พี่ อภิเชษฐ แสงแก้ว ร่วมสมทบทุน 500 บาท
9. พี่ ทวีป อัศวถาวรชัย ร่วมสมทบทุน 1,000 บาท
รวมเป็นเงิน 5,850 บาท
ปัจจุบันมียอดรวมของโครงการทั้งสิ้น 22,690 บาท
[อัพเดทล่าสุด 22 ตุลาคม 2557 เวลา 15:45 น. ]
ขอขอบคุณพี่ๆ น้องๆ ทุกท่านที่ได้ร่วมบุญในโครงการนี้นะครับ อิ่มบุญกันถ้วนหน้า เอาบุญมาฝากทุกท่านครับ และที่เหนือไปกว่านี้ พี่ จิรศักดิ์ คณานุรักษ์ เห็นโครงการนี้ในกลุ่ม ได้ติดต่อมาขอร่วมบริจาคด้วย บุญนำพาให้ได้มาร่วมกันในโครงการนี้ ทั้งๆ ที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ไม่เคยเห็นหน้าตาหรือสนิทสนมกัน แต่ยังอุตส่าห์มาร่วมสมทบทุนสร้างในโครงการ ซึ่งได้รวบรวมจากทีมงานและมิตรสหายต่างๆ ทั้งยังพาทีมงานมาร่วมงานอีก 8 ท่าน รวมเป็นเงินเก้าหมื่นกว่าบาท เดินทางจากกรุงเทพฯ มาถึงขอนแก่นในวันที่ 22 วันถัดมาเราก็ไปร่วมทอดผ้าป่าถวายให้พุทธสถาน
สรุปยอดโครงการหลังจากหักส่วนหนึ่งถวายให้หลวงปู่และคณะสงฆ์ไว้ใช้สำหรับกิจสงฆ์ มีปัจจัยทั้งหมด 127,814 บาทครับ มากกว่าที่คาดไว้แต่แรกซึ่งผมหวังไว้ว่าซักหมื่นเดียวก็พอแล้ว ไปสมทบกับสายอื่นๆ ในงานกฐิน แต่นี่เหนือความคาดหมายจริงๆ สาธุครับ ขออนุโมธนาบุญไปยังพุทธศาสนิกชนทุกท่าน ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยจงดลบรรดาลให้ท่านถึงพร้อมด้วยวิชชา สรณะ พรั่งพร้อมด้วยอายุ วรรณะ สุขะ พละ ถ้วนทั่วทุกประการเทอญ สาธุ สาธุ สาธุ
[อัพเดทล่าสุด 30 มกราคม 2558 เวลา 12:00 น. ]
เอ โนนเจริญ
ผู้ก่อตั้งกลุ่ม “LuangPuTuad | หลวงปู่ทวด”